top of page

ผู้จัดการรายวัน 360 องศา - สมาคมตลาดชู4+2ดันศก.ไทย หนุน'SME-สตาร์ทอัป'ชี้4เทรนด์รุ่ง

สมาคมตลาดชู4+2ดันศก.ไทย หนุน'SME-สตาร์ทอัป'ชี้4เทรนด์รุ่ง


ผู้จัดการรายวัน360 - สมาคมการตลาดฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 59 ฉลุย 3-3.5% เผยวิสัยทัศน์ใหม่ "สร้างความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประเทศ" พร้อมกลยุทธ์ 4+2 ให้ความสำคัญธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัป ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ชี้ 4 เทรนด์ธุรกิจอนาคต "เจาะกลุ่มอายุผู้บริโภค-ดิจิตอล-สินค้าเพื่อสุขภาพ-ใส่ในสิ่งแวดล้อม"

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2559 เริ่มอยู่ในภาวะกระเตื้องขึ้นโดยคาดว่าจะเติบโตทางจีดีพี 3-3.5% จึงเดินหน้าสร้างความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประเทศในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันด้วยดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ด้วยกลยุทธ์ 4+2 สวมบทบาทเป็นตัวเร่งความสำเร็จด้านการตลาดให้แก่แบรนด์และธุรกิจไทย เพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกลในยุค Thailand 4.0

สำหรับกลยุทธ์ 4+2 คือ 1) สร้างนักการตลาดเลือดดิจิตอล 2) ติดอาวุธให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัป 3) การตลาดนำธุรกิจไทยสู่สากล 4) จับ Insights และ Foresights เพื่อจุดประกายการสร้างสรรค์นวัตกรรม ไอเดีย ใหม่ ผนวกกับ 2 หัวใจของความสำเร็จอย่างยั่งยืน ได้แก่ 1) ความรับผิดชอบต่อสังคม และ 2) การประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ และสมาคมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทยสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตลอดจนองค์กรการศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น เพื่อทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ปัจจุบันธุรกิจเอสเอ็มอีไทยมีประมาณ 3 แสนราย ซึ่งถ้าหากทุกฝ่ายร่วมกันเสริมความรู้และแนวคิดทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ เพิ่มเติมความคิดสร้างสรรค์ เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ หรือการจัดวางสินค้า จะทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถต่อยอดทางความคิดและมีความแข็งแกร่งขึ้น สมาคมฯ จึงจัดโครงการ SMes Clinic เพื่อแบ่งปันประสบการณ์จากผู้ทรงความรู้และประสบความสำเร็จจริงมาร่วมให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2559 หรือต้นปี 2560 จะเริ่มเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม

นางสุพัตรา กล่าวด้วยว่า นักการตลาด รวมถึงเจ้าของสินค้าและแบรนด์ยังต้องคำนึงถึงเทรนด์ธุรกิจใหม่ที่กำลังมาแรงซึ่งหากใครเห็นโอกาสและช่องทางการตลาดก็ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง ได้แก่ 1) กลุ่มอายุผู้บริโภค ทั้งคนรุ่นใหม่ หรือเจนมิลเลนเนียม ซึ่งมักใช้ชีวิตโสด หรือมีครอบครัวขนาดเล็ก รวมถึงกลุ่มผู้สูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไป จึงควรพัฒนาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภค 2 กลุ่มนี้ เช่น สินค้าไลฟ์สไตล์เพื่อชีวิตที่เร่งรีบ หรือสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

2) ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ชาวไทยที่ปัจจุบันมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟนจนทะเบียนสูงถึง 90 ล้านเครื่อง ทำให้ปัจจุบันมีแอปพลิเคชัน ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนมากถึง 85% เพราะถือเป็นช่องทางที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายที่สุด 3) สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการความ สวยงามมากว่าสุขภาพที่ดี และ 4) สิ่งแวดล้อม ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวผู้บริโภคมากขึ้น เช่น รถพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น.

จาก ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 หน้า 3

ดู 1 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page